
การพิจารณาคำร้องขอเพื่อสิ้นสุดการคุมประพฤติตน
ศาลอังกฤษปฏิเสธคำขอของนักดนตรีและโปรดิวเซอร์เพลงชื่อดังที่ถูกลงโทษในการดำเนินกิจการสมรสผิดกฎหมาย และถูกสั่งให้ต้องอยู่ในการคุมประพฤติตนในช่วงเวลาเริ่มแรก
การปลดปล่อยเร็วจะทำให้มีความง่ายขึ้น
จะมาล ราชิด หรือที่เป็นที่รู้จักกันด้วยชื่อ “แมลลี มอลล์” เมื่อเวลาที่เขาเป็นหัวหน้ากลุ่มสมรสที่ทำงานในลาสเวกัส ได้ถูกลงโทษทั้งหมด 33 เดือนในเรื่องมวลมน 13 พฤษภาคม 2021 นอกจากเวลาในเรือนจำ นักดนตรีชื่อดังที่เคยสร้างเสียงเพลงสำหรับศิลปินเพลงอย่างจัสติน บีเบอร์ และเดรก ยังถูกสั่งให้ต้องอยู่ในการคุมประพฤติตนเป็นระยะเวลา 3 ปีหลังจากเสร็จสิ้นเวลาในเรือนจำ
เอกสารศาลระบุว่าการคุมประพฤติตนของนักดนตรีแร๊ปจะสิ้นสุดเมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2569 จนกว่าคำสั่งจะหมดอายุ ราชิดจะไม่สามารถเดินทางไปไหนๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่การคุมประพฤติตนของเขา
การพิจารณาคำร้องขอปลดปล่อยเร็วจากความคุมประพฤติตนจะทำให้มีความง่ายขึ้นและทำให้เข้าใจมากขึ้นในชีวิตที่ยากลำบากมาหลายปี ที่ผ่านมา ทนายของราชิด คริส ราสมัสเซิน ที่ได้เพิ่งจะอ้างที่แกลาสใน KLAS อธิบายในการเรียกร้องเพื่อสิ้นสุดการคุมประพฤติตนว่ามันส่งผลกระทบลบล่างต่ออาชีพของลูกค้าของเขา “การปลดปล่อยเร็วจากการคุมประพฤติตนจะทำให้มีความง่ายขึ้นและทำให้เข้าใจมากขึ้นในชีวิตที่ยากลำบากมาหลายปี ที่ผ่านมา” ทนายคำอธิบาย
ศาลปฏิเสธคำร้อง
อย่างไรก็ตาม แม้มีการเรียกร้องจากทีมของนักดนตรีแร๊ป คำขอสำหรับสิ้นสุดการคุมประพฤติตนก่อนกำหนดได้ถูกปฏิเสธ ผู้พิพากษาศาลอำนวยการโดยภาคตะวันตก กลอเรีย นาวาโร ได้ยอมรับว่าการทำงานในกิจการสมรสผิดกฎหมายของราชิดแผ่เป็นเวลามากกว่า 12 ปี
ยิ่งไปกว่านั้น นาวาโร กล่าวถึง “พฤติกรรมของผู้ต้องหาไม่ได้เกิดจากการตัดสินใจเสี่ยงหรือการตัดสินใจที่ทำให้ผิดหวัง” ผู้พิพากษาศาลยังรับรู้หลักการของกิจกรรมอาชญากรรมในชีวิตของราชิด และอธิบายว่านี้เป็น “รายจ่ายที่เกี่ยวกับค่าครองชีพ” มากกว่า 10 ปี ส่วนเรื่องการขอสิ้นสุดการคุมประพฤติตนเพื่อการเดินทางเพื่องาน นาวาโรกล่าวว่า การขอดังกล่าวเป็น “เหตุผลที่ไม่เพียงพอ” และเป็นเหตุให้คำขอถูกปฏิเสธ
ความสำคัญของการพิจารณาคำร้องเพื่อสิ้นสุดการคุมประพฤติตน
การพิจารณาคำร้องเพื่อสิ้นสุดการคุมประพฤติตนเป็นขั้นตอนสำคัญที่นักดนตรีและโปรดิวเซอร์ต้องผ่าน เพื่อให้สามารถกลับมาทำงานในอุตสาหกรรมเพลงอีกครั้ง การได้รับการปลดปล่อยจากการคุมประพฤติตนไม่เพียงแค่ช่วยให้นักดนตรีกลับมาทำงานได้ แต่ยังช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ให้กับทางการอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ การปลดปล่อยเร็วยังช่วยลดความเครียดและก้นร้องของนักดนตรีที่ต้องอยู่ในการคุมประพฤติตน เพราะบางครั้งการอยู่ในสภาพเหล่านี้อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพจิตและความสมดุลในชีวิตประจำวัน
ความสำคัญของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
การคุมประพฤติตนที่ถูกกำหนดโดยศาลไม่ใช่เพียงเรื่องการห้ามทำบางสิ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสที่ดีให้นักดนตรีสังเกตพฤติกรรมและปรับปรุงตนเองให้ดียิ่งขึ้น การเรียนรู้จากความผิดพลาดและพัฒนาตนเองจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการกลับมาทำงานในวงการเพลง
นอกจากนี้ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่ดียังช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างความน่าเชื่อถือและเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับผู้ชมและบุคคลในวงการเพลงทั้งหมด
การเจรจาและการทำสำเร็จ
การเจรจาเพื่อสิ้นสุดการคุมประพฤติตนอาจเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องใช้เวลานาน อย่างไรก็ตาม ความมุ่งมั่นและความพยายามในการทำสำเร็จจะช่วยให้นักดนตรีได้รับโอกาสใหม่ในวงการเพลง
การทำสำเร็จในการเจรจาเพื่อสิ้นสุดการคุมประพฤติตนยังเป็นตัวบ่งชี้ถึงความพร้อมของนักดนตรีที่จะกลับมาทำงานในวงการเพลงอีกครั้ง และยังเป็นการสร้างโอกาสให้กับการพัฒนาตนเองในอนาคต